รีวิวภูทับเบิก อุณหภูมิ 8-18 องศา เย็นนิ้วชา แต่ดันไม่มีหมอก

อากาศเย็นดีสะใจมากครับ กลางวันตอนที่ไปถึงบ่ายสี่อุณหภูมิ 18 องศา กลางคืนต่ำสุด 8 องศา พักที่สเตชั่นภูทับเบิก ชอบดาดฟ้าเห็นวิวกว้าง หลังห้องติดสวนกะหล่ำปลี แสงยามเช้าถ่ายรูปสวยมาก

ถือเป็นการเดินทางท่องเที่ยวตามใจปรารถนาจริงๆครับ เพราะเคยเห็นภาพที่เขาแชร์กันว่าภูทับเบิกนั้นมีวิวที่สวยงามมาก มีสวนกระหล่ำปลีด้วยนะ จึงตั้งใจว่าจะหาโอกาสมานอนแล้วก็ชมวิวดูสักครั้งว่ามันตรงตามที่เขาแชร์กันไหม
ผมขับรถจากศรีสะเกษยิงตรงมาเรื่อยๆจนถึงภูทับเบิกใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมงด้วยกัน ออกจากบ้านมา 7 โมงถึงภูทับเบิก 16:30 น ก็ถือว่าเป็นการเดินทางที่เหนื่อยพอสมควรนะครับ ดีที่ว่าเป็นการเดินทางมายังสถานที่ที่เราไม่เคยไปเลยจึงทำให้ไม่รู้สึกน่าเบื่อหน่ายอะไร

  • จองที่พักกับ Agoda
  • ส่วนลดสูงสุด 99% พร้อมคูปองลดสูงสุด 2,100 บาท ที่ Traveloka
  • ลูกค้าใหม่ลด 8% โรงแรมราคาคุ้มๆ เริ่มต้น 111 บาท เท่านั้น พร้อมส่วนลดโรงแรม และเที่ยวบินอีก 999 บาท 7-11 พ.ย. 65 เท่านั้น ที่ Trip.com

สเตชั่นภูทับเบิกผมโทรจองก่อนที่จะมาถึงภูทับเบิกเล็กน้อย (ก็ไม่เคยมีแผนอะไรหรอกครับเพราะว่ามาในวันอาทิตย์แล้วคิดว่าคนน่าจะเดินทางกลับกรุงเทพฯกันหมดแล้ว) ก็เป็นจริงตามนั้นครับ แม้ว่าที่พักแรกจะเต็มซึ่งผมก็ดูจากจำนวนรีวิวครับที่ไหนรีวิวเยอะและให้คะแนนเชิงบวกสูงก็จะติดต่อตรงนั้นก่อน ที่แรกเต็มเลยลงมาที่ที่ 2 ซึ่งมียอดรีวิวสูงเช่นกัน โทรถามเขาบอกว่าว่างก็เลยติดต่อจองเอาไว้แล้วก็เดินทางเข้ามาหาเลย

ตอนแรกที่เข้ามาดูก็พบว่าที่พักแห่งนี้มีความซับซ้อนหลายชั้นมาก กว่าจะเดินหาห้องที่เป็นจองห้องพักก็นานพอสมควรเพราะไม่คุ้นเคย ที่สำคัญคือมันอยู่ในซอกหลืบตรงมุมเลยทีเดียว ก็เกือบที่จะถอดใจออกไปหาที่อื่นแล้วล่ะพอดีมองเห็นก็เลยเดินเข้าไป น้องพนักงานต้อนรับ (น่าจะเป็นเจ้าของแหละครับ) ก็ออกมาต้อนรับเป็นอย่างดีครับ ผมขอดูห้องเธอก็พาไปดูก็พบว่ามันก็โอเคอยู่ ข้างหลังห้องก็เป็นสวนปลูกผักกะหล่ำ เยื้องๆไปหน่อยจะเป็นที่พักอีกแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าผา ที่นี่รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนิดหน่อยตรงที่ที่จอดรถไม่ค่อยมีครับ ก็ติงน้องไปแต่น้องก็บอกว่าสามารถเข้ามาแทรกจอดข้างในได้ตอนแรกก็คิดว่าไม่น่าจะดีเพราะกลัวคนที่เขาจอดก่อนเขาจะถอยออกไปเพื่อไปดูวิวยามดึกแล้วมันจะลำบากในการที่ผมจะต้องลงไปถอยรถให้เขาซึ่งที่มันค่อนข้างจะแคบ แต่เมื่อเห็นความตั้งใจของน้อง (แล้วก็สายตาของน้องดุมากครับ) ผมกลัวน้องเขาจะโกรธก็เลยเลือกตกลงจะพักที่นี่

ก็ได้สั่งอาหารมากินครับเพราะว่าเดินทางมาก็ไม่ได้กินข้าวเที่ยงแต่อย่างใด มีกินขนมแล้วก็ซาลาเปารองท้องไปบ้างแต่ก็ยังไม่ได้เป็นมื้อที่หนักแต่อย่างใด เปิดดูเมนูของร้านก็สั่งเลยครับ ไม่ได้ไปซื้อจากที่อื่นหรอกไหนๆก็มาแล้วก็อุดหนุนเขาหน่อยก็แล้วกัน สั่งเป็นกระเพราไก่บวกกับยำมาม่าแล้วก็ลีโอขวดใหญ่อีกขวดนึงครับ เอาไปนั่งกินบนดาดฟ้าเพื่อที่จะดูวิวกินบรรยากาศไประหว่างนั้นก็ทำงานอัปเดตเว็บไซต์นี้ไปด้วย
รสชาติเป็นยังไง? ก็ธรรมดาเป็นไปตามรสชาติแบบร้านอาหารข้างทางทั่วไปครับ เกรดเดียวกันเลย เพียงแต่ว่าคราวนี้ผมรู้สึกว่าเบียร์ลีโอไม่อร่อย คงเป็นเพราะว่าไม่ได้กินนาน มันขมหรือเปล่าก็ไม่รู้นะฮะ
นั่งกินไปชมบรรยากาศไป ก็รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีนะครับอุณหภูมิในตอนนั้นก็ประมาณ 18 องศานั่งไปนั่งมากินเบียร์เย็นๆ ก็เริ่มรู้สึกหนาวแล้วครับ จึงต้องลงไปข้างล่าง

ตอนอาบน้ำแรกๆก็ดีนะครับ เปิดน้ำอุ่น(ซึ่งที่นี่เขาใช้แก๊สในการทำความร้อนนะครับ) ตอนอาบน้ำร้อนก็รู้สึกดีหรอกครับเพียงแต่พอเช็ดตัวเท่านั้นแหละ โดนความเย็นโจมตีทำให้ต้องรีบใส่เสื้อผ้าอย่างเร็ว แล้วก็กระโจนเข้าไปซุกในผ้าห่มทันใดเพื่อที่จะทำให้ร่างกายอบอุ่น

WiFi ของที่นี่ก็ไม่ค่อยแรงสักเท่าไหร่นะครับ ส่วนทีวีไม่ต้องพูดถึงเพราะตอนนี้ดูไม่เป็นแล้วครับไม่รู้ว่าเปิดยังไงมันมีช่องทางหรือกระบวนการขั้นตอนมันเยอะเหลือเกินต้องเข้ากล่องอะไรต่างๆนานาผมไม่เคยเข้าดูได้เลยครับ จึงไม่สนใจและอีกอย่างคือทีวีก็ไม่มีรายการอะไรน่าดูครับ

โชคดีที่บริเวณแห่งนี้คนพักไม่เยอะตอนกลางคืนจึงไม่มีเสียงของขี้เมาให้วุ่นวายอะไรเลยครับ นอนหลับสบายมาก ก็มีหลับๆตื่นๆบ้างเป็นเรื่องปกติของการเปลี่ยนที่นอนครับ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าหลับได้ดี ผมชอบเตียงของนี่นี่นะ มันแข็งดี เป็นแบบที่ชอบเลย จึงนอนสบายมาก ๆ

ตื่นมาอีกทีประมาณตี 3 อุณหภูมิก็ลบลงหนักเลยครับลบ 8 องศาเลยทีเดียว หนาวจัดเลยล่ะ แต่ผมก็ด้วยความที่นอนครบ 8 ชั่วโมงแล้วก็เลยต้องเอา notebook มาทำงานครับ ก็แค่เอานิ้วออกจากผ้าห่มนิดเดียวเองครับมือเย็นเลยครับ เย็นแทบชา นี่เป็นเครื่องยืนยันว่าที่นี่อากาศหนาวจริงครับ ด้วยความที่อากาศหนาวหรืออะไรก็ตามจึงไม่มีไอเดียในการทำบทความหรือ content ใหม่เลยจึงได้แต่ดูคลิป YouTube ไปเรื่อยๆรอเวลา 6:00 น

6 โมงเช้าฟ้าเริ่มเปิดพระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้วครับ มันยังพ้นขอบฟ้าหรอกครับ เพียงแต่ว่าแสงมันก็เริ่มกระจายออกมาทำให้พื้นที่ของภูทับเบิกนั้นมีความสว่างมากขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้ถ่ายรูปออกมาได้สวยมากเลยครับประทับใจมาก

หลังจากนั้นอีกเล็กน้อยผมก็ขับรถขึ้นไปครับ คือตั้งใจว่าจะถอยรถออกไปก่อนเผื่อคนที่จอดข้างในเขาจะได้ถอยออกไปได้ หากเขาอยากจะไปดูวิวอะไรก็ตามในตอนเช้า ผมเลยไม่อยากจะไปขวางกั้นทางเขา เมื่อขับรถขึ้นไปแล้วก็ไปจอดตรงปากทางเข้ารีสอร์ทนี่แหละครับ มันเป็นร้านกาแฟครับ(ซึ่งยังไม่เปิดนะมันเช้ามาก) แต่ว่าด้วยความที่เขาออกแบบร้านได้ดี ประจวบเหมาะกับแสงยามเช้านั้นสวยเหลือเกินครับจึงได้ถ่ายรูปออกมาได้แบบนี้ ซึ่งผมชอบมาก ก็มีพี่ท่านหนึ่งเขามาถ่ายรูปด้วยเช่นกันนะครับ

พอหลังจาก 7 โมงจึงเดินเข้าไปยังห้องพักเพื่อที่จะเตรียมตัวเก็บข้าวของเช็คเอาท์ครับ แล้วก็ที่สำคัญคือเวลานี้เขาก็เอามื้อเช้ามาบริการแล้ว ซึ่งเป็นข้าวต้มแล้วก็ไข่กระทะครับ รสชาติเป็นยังไงเหรอ? ก็มันเป็นมาตรฐานของข้าวต้มแล้วก็ไข่กระทะอยู่แล้วนะครับไม่มีอะไรพิเศษมากมาย นอกจากนี้เขาก็ยังมีแก้วพลาสติกที่ข้างในนั้นให้กาแฟซองแล้วก็ไมโลให้ด้วยนะครับ สำหรับการชงเป็นเครื่องดื่มร้อนยามเช้า

ผมรีบกินมื้อเช้าให้เสร็จโดยไวแล้วก็เก็บข้าวของไปเช็คเอาท์ ที่นี่เขามีการเก็บค่ามัดจำกุญแจ 200 บาท พอเราคืนกุญแจเขาก็จะให้เงินส่วนมัดจำนี้มาให้ด้วย จากนั้นก็เดินขึ้นไปยังที่จอดรถข้างบนนะครับ ซึ่งพบว่าเหนื่อยไม่น้อยเลยครับ รู้อย่างนี้ขับรถขึ้นลงดีกว่าจะได้ไม่เหนื่อย

ผมตัดสินใจที่จะไม่ขับเข้าไปข้างในภูทับเบิกนะครับ แต่ว่าจะเริ่มเดินทางออกไปยังสถานที่เที่ยวใหม่เลย ตั้งใจว่าจะไปที่เชียงคานต่อครับ ระหว่างนั้นก็เห็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ตรงหน้าผา ก็ไปสั่งกาแฟแล้วก็นั่งถ่ายรูปวิว กาแฟก็เป็นกาแฟเกรดตลาดทั่วไปครับ ไม่ได้อร่อยอะไร จึงกินไม่หมด เพียงแต่ว่าคิดว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อที่นั่งเพื่อถ่ายรูปก็แล้วกัน

แล้วจากนั้นก็ขับรถลงเขาเพื่อที่จะเดินทางไปเชียงคานต่อไป ต้องบอกแบบนี้ว่าเส้นทางถนนหนทางที่ขึ้นไปยังภูทับเบิกนั้นค่อนข้างที่จะมีความชันและก็วกวนคดเคี้ยวใช้ได้เลยนะครับ ผมจำไม่ได้แล้วว่าเคยขับรถขึ้นทางชันแล้วก็คดเคี้ยวแบบนี้ที่ไหนมาก่อน อาจจะเป็นครั้งแรกๆเลยหรือเปล่าจึงค่อนข้างรู้สึกกังวลแล้วก็กดดันพอสมควรในการขึ้น โชคดีที่ผมมาในวันธรรมดาคนน้อยจึงไม่มีความกดดันในทางที่รถคันหลัง นี่แหละคือประโยชน์ของการมาวันธรรมดามันก็ไม่ค่อยมีรถเท่าไหร่จึงรู้สึกขับรถอย่างสบายมากขึ้นครับ

แล้วจะมาอีกรอบไหมภูทับเบิก? ก็คงไม่มาแล้วครับ ผมไม่ค่อยชอบการขับรถขึ้นเขาลาดชันคดเคี้ยวแบบนี้ มันรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่ โอเคล่ะการขับขึ้นไปที่สูงก็เห็นวิวที่มองจากที่สูงลงมาข้างล่างมันก็รู้สึก amazing เหมือนกันนะ เพียงแต่ว่ามาครั้งเดียวก็พอแล้วล่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็จะไปที่อื่นที่มันไม่จำเป็นจะต้องขับรถเหนื่อยขนาดนี้ดีกว่า ผมว่านะอารมณ์ของเขาใหญ่มันก็ประมาณนี้แหละ ไม่จำเป็นจะต้องมาไกลถึงภูทับเบิกหรอก

บทความคล้ายกันที่ท่านอาจสนใจ