ร้านกาแฟไม่มีชื่อ หัวมุมทางเดินริมโขงติดตลาด ที่เชียงคาน

ผมพยายามเดินหาร้านกาแฟนั่งทำงานชิลล์ ๆ ในเชียงคาน ในที่สุดก็ได้พบร้าน ดี ๆ เหมาะ ๆ หน้าร้านเป็นริมโขงครับ พนักงานเป็นเด็กสาวที่ไฮเปอร์มาก ๆ ไม่ค่อยอยู่ร้าน วิ่งไปวิ่งมา บรรยากาศร้านดีเลย เป็นร้านเล็ก เปิดสองด้าน รับลมเย็น ๆ ฟังเพลงฝรั่งยุคเก่า ๆ หวาน ๆ เบา ๆ ถือเป็นการพักผ่อนที่อิ่มเอมมากทีเดียว

ร้านกาแฟถือเป็นจุดหมายที่ผมมองหาทุกที่ที่ไปครับ ถ้าหากเป็นไปได้ขอให้มีกาแฟอร่อย รสชาติที่แตกต่างจากกาแฟตลาดทั่วไป(แบบที่มีขายตามอเมซอน สตาร์บัคส์ที่ขมเพียว ๆ) แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้(เพราะน้อยคนนักที่จะกล้าขายกาแฟรสแปลก ๆ คุณว่ามั้ย?) ก็ขอให้มีวิวที่นั่งดี ๆ ก็พอแล้ว

พอมาเที่ยวเชียงคาน มันต้องมีร้านกาแฟแบบนี้แน่นอน ผมเชื่อมั่นแบบนี้

แต่พอเอาเข้าจริง กลับหายากเกินไป(ผมอาจเป็นผู้มาเยือนที่เดินไม่ทั่วก็ได้นะ) ผมเดินจากที่พักคือโรงแรมสุขสมบูรณ์ ย้อนขึ้นมาจนถึงตลาดที่มีพญานาคและบันไดคอนกรีตที่นั่งริมโขง (ตรงข้ามวัดท่าคก) ติดกับ Chic ChiangKhan Hotel ซึ่งน่าจะเป็นจุดสุดท้ายของเส้นนี้แล้วล่ะ ก็ยังไม่พบ จึงตัดสินใจเดินเลาะลงไปทางเดินริมโขง ก็ไปสะดุดกับร้านกาแฟเล็ก ๆ ขนาดกระทัดรัด มีที่นั่งเป็นเก้าอี้เล็ก ๆ กระทัดรัด มีชั้นหนังสือ เปิดเพลงฝรั่งเบา ๆ ก็พบว่านี่แหละใช่เลย จึงถ่ายรูปแล้วจับจองนั่งทันที

ในร้านมีคุณป้าฝรั่งท่านเดียวนั่งดูมือถืออมยิ้มอยู่คนเดียว โดยที่พนักงานไม่อยู่ครับ ผมเลยถือวิสาสะถ่ายรูปแล้วนั่งรอ ก็ไหน ๆ ได้เจอร้านดีแล้ว นั่งรอไปก่อนก็ถือว่าเป็นการใช้เวลานั่งชิลล์ไปในตัว
พลางนั่งสังเกตบรรยากาศร้าน พบว่าหลังคาน่าจะถูกปกคลุมด้วยเถาต้นสร้อยอินทนิล ที่กำลังออกดอกม่วงอ่อนสวย ฝั่งติดซอยก็ถูกปกคลุมด้วยเถาดอกไม้นี้หนาแน่นจนกลายเป็นกำแพงธรรมชาติไปโดยปริยายเลย จัดว่าเป็นคาแร็คเตอร์ของร้านนี้ไปเลยครับ ถ้าท่านมองหาร้านนี้ก็ให้สังเกตต้นสร้องอินทนิลได้เลยนะมาถูกร้านแน่

สักพักมีพี่ผู้ชายท่านหนึ่งซึ่งคงเป็นคนพื้นที่เข้ามา เราต่างมองหน้ากันแล้วเขาก็ทักว่าพนักงานไปไหน? นั่นน่ะสิ ผมตอบไป แกก็เลยเดินออกไป สักพักนั่นแหละพนักงานจึงวิ่งเข้ามาร้าน เป็นเด็กสาวที่มีความปราดเปรียวใช้ได้ แล้วพี่ผู้ชายคนเดิมก็กลับมาสั่งเอสเพรสโซ่เย็นหวานน้อย เมื่อทำให้เขาแล้ว ผมจึงสั่งน้องไปว่าอยากได้เอสเพรสโซ่ร้อน

รสชาติของเอสเพรสโซ่ร้อน ก็เป็นเกรดเดียวกับอเมซอนนะครับ ขมเพียว ๆ ก็ทำไงได้เนาะ มันเป็นรสชาติของ mass แบบนี้มันขายได้ ต้นทุนก็ถูก ราคาแก้วละ 35 บาทเอง ผมไม่ซีเรียสอะไรก็จิบเท่าที่จะสามารถทำได้ จิบไปทำงานไป ก็เขียนบทความลงเว็บนี้นี่แหละครับ ตอนนี้เป็นงานหลักเลย

กาแฟจิบไปไม่พร่องสักเท่าไหร่หรอกครับ เหลือบไปเห็นชาในโถ เลยถามน้องดู น้องบอกว่าสั่งได้ทั้งชาเย็น ชาร้อนก็ได้นะ ผมเลยสั่งแบบชาร้อน ไม่ต้องใส่นมใส่น้ำตาลเลย ใส่น้ำร้อนก็พอแล้ว น้องก็จัดให้ ถามราคาแกก็บอกว่าให้ฟรีค่ะ ไม่คิดเงิน ขอบใจน้องไป ถามชื่อร้าน น้องบอกว่าไม่มีชื่อค่ะ

สรุปแล้ว ผมกินชาหมด ส่วนกาแฟนั้นแทบไม่พร่อง

เมื่อน้องมีน้ำใจให้น้ำชาฟรี ๆ ผมก็เลยเขียนบทความแนะนำน้านกาแฟแห่งนี้ให้หน่อยก็แล้วกันนะ ใครมาเที่ยวเชียงคาน ก็แวะมาอุดหนุนน้องเขาได้ ถ้าไม่เห็นน้องเขาก็ให้รอสักนิด เดี๋ยวก็วิ่งกลับมาประจำที่ร้านในเวลาไม่นานครับ

บทความคล้ายกันที่ท่านอาจสนใจ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *