ในวินาทีที่กล้องจับภาพลุกขึ้นมาตบมือเมื่อซาก้าส่งบอลเข้าประตูแล้วก็กวักมือบอกเพื่อนที่มาด้วยกันประมาณว่า “มันไม่ได้ประตูหรอกนั่งเถอะ” บอกเลยว่านี่เป็นโมเมนต์ที่แฟนปืนที่เชียร์ตั้งแต่ยุคเบิร์กแคมป์รู้สึกดีต่อใจมาก ถือเป็นความเซอร์ไพรซ์ที่สร้างความอิ่มเอมใจอย่างมากเมื่อเห็นอาร์แซน เวนเกอร์ อดีตผู้จัดการทีมกลับมาเยือนถิ่นเดิม โดยเฉพาะเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม มรดกที่แกได้สร้างให้ทีมนี้
อาร์แซน เวนเกอร์ นั้นแม้จะมีคุณูปการกับอาร์เซน่อลจริง เป็นคนสร้างอาร์เซน่อลให้มีทรงเล่นบอลได้มีเกมบุกน่าเชียร์จนเป็นเอกลักษณ์มาแบบนี้ ที่สำคัญก็คือเป็นแกเองที่ทำทีมให้เติบโต สร้างผู้เล่นปั้นขายนักเตะจนมีรายได้มากพอที่จะสร้างสนามแข่งเอมิเรตส์สเตเดี้ยมแห่งนี้ให้สำเร็จลุล่วงจนได้
เรียกได้ว่าเวนเกอร์นี่แหละที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างอาร์เซน่อลยุคใหม่ที่รุ่งเรืองและบินสูงได้จวบจนปัจจุบันนี้
แต่วัฏจักรฟุตบอลก็ทำให้เวนเกอร์ต้องกลายเป็นผู้แพ้ เมื่อเกมฟุตบอลเปลี่ยนไป เทรนด์เปลี่ยนแต่สไตล์ฟุตบอลของเวนเกอร์ยังคงเดิม ผลงานของอาร์เซน่อลจึงโรยราเป็นขาลง และย่ำแย่จนกระทั่งแฟนบอลปืนใหญ่(รวมถึงผมเอง)ต้องร้อง “Wenger out” ให้แกวางมือเสียเถอะ ฟุตบอลของแกตกยุคแล้ว แต่เวนเกอร์ไม่ยอมลง ในที่สุดบอร์ดผู้บริหารก็เลยต้องตัดสนใจปลดแกออก เป็นการลาจากแบบแตกหัก
ตอนนั้นผมใจหนึ่งก็ดีใจที่เห็นทีมจะเปลี่ยนแปลงไป อีกใจก็สงสารเวนเกอร์
เวนเกอร์เองนั้น คงจะผิดหวังมากพอสมควร เมื่อโดนปลดออก ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็เป็นผู้มีบุญคุณสร้างสโมสรให้ยิ่งใหญ่เติบโตแท้ ๆ แต่กลับโโนหักหลังปลดกันดื้อ ๆ ซะงั้น
หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการทีมใหม่ เวนเกอร์ก็ไม่เคยกลับมาเยือนถิ่นเอมิเรตส์สเตเดี้ยมบ้านที่แกเป็นคนสร้างอีกเลย ผ่านมาแล้ว 1688 วันเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้ บูคาโย่ ซาก้า เปรยว่า เขาเสียใจที่ไม่ได้เจอเวนเกอร์เลย
และวันนี้การมาเยือนบ้านที่สร้างมากับมือของตนเอง ถือเป็นการช่วยให้ฝันของซาก้าเป็นจริงอย่างรวดเร็ว เป็นของขวัญวันคริสต์มาสที่ยิ่งใหญ่ และที่สำคัญมันก็เป็นของขวัญที่เผื่อแผ่ให้แฟนปืนยุครุ่งเรืองของแกนั้นมีความสุขปลื้มปริ่มเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน
ยิ่งกลับมาในช่วง Boxing Day มันยิ่งทำให้กลายเป็นของขวัญสุดล้ำค่าให้แก่เด็กปืนทุกหมู่เหล่า
เจ้าของบ้านกลับมาแล้ว หลังจากถูกขับไล่ออกไป
รอยร้าวที่เคยแตกหัก กลับมาสมานได้อีกครั้ง ผมล่ะอยากเห็นอาร์แซน เวนเกอร์ ยืนปรบมือที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยมทุกครั้งที่อาร์เซน่อลเตะ เหมือนที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันอยู่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เพราะเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมจะดูขลังขึ้นถ้ามี “เจ้าของ” มาประทับอยู่ ถ้าไม่มีเวนเกอร์ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม คงไม่มีทางเกิดขึ้น
มีเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ก็ต้องมี อาร์เซน เวนเกอร์ ควรเป็นของคู่กัน
ครึ่งแรก ปืนโดนเวสต์แฮม ยิงนำ 1-0 ก็แอบนึกในใจว่าป๋าแกมาเจิม bad old days หรือเปล่าหว่า
แต่พอครึ่งหลัง ซาก้ายิงตีเสมอโชว์ ก็ทำให้ใจชื้น ป๋าน่าจะดีใจ กล้องน่าจะจับภาพแกยิ้มมากขึ้น
พอมาร์ติเนลลี่ยิงแซงเท่านั้นแหละ ป๋าเวนเกอร์ ลุกขึ้นมาตบมือยิ้มมุมปากเหมือนภาพในอดีต good old days ที่แฟนปืนเห็นเป็นประจำ บอกเลย “โคตฟิน” ช่างเป็นของขวัญล้ำค่าเสียนี่กระไร
พอเอนเคเทียห์หมุนตัวยิงตอกฝาโลง 3-1 แล้วอาร์เตต้ากระโดดดีใจสวมกอดทีมโค้ช ก็ทำให้เราเห็นความต่าง เวนเกอร์มักจะยิ้มแห้งตบมือดีใจโดดเดี่ยวเหงา ๆ แต่อาร์เตต้าจะดูบันเทิงและมีพลังมากกว่าเห็น ๆ
ยุคสมัยฟุตบอลเปลี่ยน เขี้ยวขึ้น บางทีการทำทีมคนเดียวอาจไม่พอ ต้องใช้หลายหัวช่วยกัน ทีมเวิร์ค หลายหัวทำผลงานได้ดีกว่าหัวเดียวแบบยุคเก่าแน่นอน
นี่พอเห็นซินเชนโก้ลง ก็อดนึกในใจไม่ได้ว่า พี่ต้าคงอยากให้ป๋าเห็นว่า “คนนี้แหละที่ผมอยากอวด”
อาร์เซน่อลยุคเวนเกอร์ ออกแนวโชว์สวยงาม ป้อเก่งแต่ล่อไม่เป็น เป็นนักเตะเจ้าสำอาง ไม่มีทัศนคติผู้ชนะ
แต่ในยุคอาร์เตต้านั้นต่างออกไป ดุดันมากขึ้น เป็นนักรบ นักสู้ที่ดุดัน มีทัศนคติผู้ชนะเต็มเปี่ยม เทคติกจ๋ามากกว่า แต่ก็ยังคงรักษาลูกชิ่งการต่อบอลสวยงามที่เป็นลายของเซ็นเวนเกอร์เอาไว้โดยไม่เปลี่ยนแปลง
เรียกได้ว่าฟุตบอลของอาร์เตต้านั้น เป็นสไตล์เวนเกอร์ที่อัพเกรดให้ทันยุคสมัยมากขึ้น ดุดันมากขึ้น เพิ่ม mentality นักรบเข้าไป เพื่อให้ยืนตำแหน่งหัวตารางไปแชมเปี้ยนส์ลีกและลุ้นแชมป์ทุกปีตามแผน 5 ปีที่เอดูวางเอาไว้
ต้องขอบคุณมิเกล อาร์เตต้า ที่ทำทีมให้มีผลงานดีขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เวนเกอร์รู้สึกกับทีมดีขึ้น ว่าอย่างน้อยการตัดสินใจปลดเขาออกในตอนนั้นมันก็เป็นเจตนาให้ทีมเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น
จากนี้ไป เราอยากเห็นภาพของป๋าเวนเกอร์ ลุกขึ้นตบมือยิ้มมุมปากเห็นฟันทุกแมตช์ที่อาร์เซน่อลลงเล่น
ตบมือทุกแมตช์ ทกแมตช์ และแชะภาพชูถ้วยแชมป์….ทุกปีจากนี้ไป
บทความคล้ายกันที่ท่านอาจสนใจ